แนวทางการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะผู้อำนวยการสถานศึกษาเชี่ยวชาญ: กลยุทธ์และนวัตกรรมตามเกณฑ์ ว10/2564
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 4 กันยายน 2568
บทนำ: การเปลี่ยนกระบวนทัศน์สู่การประเมินเชิงสมรรถนะและความสำคัญของวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่ ศธ 0206.3/ว 10 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 นับเป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ครั้งสำคัญในการประเมินความก้าวหน้าทางวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาในประเทศไทย.1 หลักเกณฑ์นี้ได้เปลี่ยนผ่านจากการประเมินที่เน้นเอกสารเป็นหลักในอดีต เช่น เกณฑ์ ว17/2552 ไปสู่การประเมินเชิงสมรรถนะและผลลัพธ์ที่จับต้องได้ โดยใช้ระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (Digital Performance Appraisal: DPA) เป็นเครื่องมือหลัก.2 การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนขั้นตอนทางธุรการ แต่สะท้อนถึงปรัชญาการบริหารการศึกษาที่มุ่งเน้นให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ที่สามารถวางแผนกลยุทธ์ สร้างสรรค์นวัตกรรมการบริหาร และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อคุณภาพของผู้เรียน ครู และสถานศึกษาอย่างแท้จริง
การพิจารณาข้อกำหนดในการนำเสนอผลงานผ่านระบบดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดให้ใช้ไฟล์วิดีทัศน์ที่บันทึกด้วยกล้องตัวเดียว ไม่มีการตัดต่อ และถ่ายทำ ณ สถานที่ปฏิบัติงานจริง 5 ชี้ให้เห็นว่าเจตนารมณ์ของหลักเกณฑ์นี้มุ่งเน้นการประเมินความสามารถที่แท้จริงและความเป็นธรรมชาติในการปฏิบัติงานของผู้บริหาร มากกว่าการนำเสนอที่ผ่านการปรุงแต่งอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ก.ค.ศ. กำลังส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษาในระดับโครงสร้าง กล่าวคือ ผู้บริหารไม่สามารถเตรียมตัวเพื่อการประเมินในระยะเวลาสั้นๆ ได้อีกต่อไป แต่จำเป็นต้องบูรณาการแนวคิดด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การพัฒนานวัตกรรม และการวัดผลลัพธ์ให้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานประจำวันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การขอเลื่อนวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญจึงไม่ใช่เพียงการจัดทำเอกสารเพื่อความก้าวหน้า แต่เป็นกระบวนการสะท้อนผลการปฏิบัติงานที่ต้องอาศัยการสั่งสมประสบการณ์ การพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบ และความสามารถในการนำเสนอ “เรื่องราว” ของความสำเร็จในการบริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างน่าเชื่อถือและมีหลักฐานเชิงประจักษ์
รายงานฉบับนี้จึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือเชิงลึกสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาที่มุ่งมั่นจะขอเลื่อนวิทยฐานะเป็นผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ โดยจะวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ของเกณฑ์ ว10/2564 อย่างละเอียด พร้อมนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในการจัดทำแผนพัฒนากลยุทธ์ การสร้างสรรค์นวัตกรรมการบริหารที่เป็นแบบอย่างที่ดี การวัดผลและนำเสนอผลลัพธ์ ตลอดจนการจัดทำผลงานทางวิชาการ โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถวางแผนและดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างเต็มตามศักยภาพ และประสบความสำเร็จในการขอเลื่อนวิทยฐานะตามที่มุ่งหวัง
ส่วนที่ 1: การวิเคราะห์โครงสร้างการประเมินวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญตามเกณฑ์ ว10/2564
การประเมินเพื่อขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญตามเกณฑ์ ว10/2564 ประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล สะท้อนถึงวงจรการบริหารงานคุณภาพ ตั้งแต่การวางแผน การนำไปปฏิบัติจนเกิดผลลัพธ์ และการสรุปองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาในวงกว้าง โดยผู้ขอรับการประเมินจะต้องผ่านเกณฑ์ในแต่ละด้านไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 จากกรรมการแต่ละคน.5
ภาพรวมองค์ประกอบการประเมิน 3 ด้าน: ทักษะ ผลลัพธ์ และผลงานทางวิชาการ
องค์ประกอบการประเมินทั้ง 3 ด้าน ถูกออกแบบมาเพื่อประเมินศักยภาพของผู้บริหารสถานศึกษาอย่างรอบด้าน ดังนี้ 5
ด้านที่ 1 ด้านทักษะการวางแผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือหรือนวัตกรรมทางการบริหาร: ด้านนี้เปรียบเสมือน “วิสัยทัศน์และแผนการ” ของผู้บริหาร เป็นการประเมินความสามารถในการวิเคราะห์บริบทของสถานศึกษาเพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนา และออกแบบกลยุทธ์หรือนวัตกรรมที่จะนำมาใช้ในการขับเคลื่อนสถานศึกษาไปสู่เป้าหมายนั้น.6
ด้านที่ 2 ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ครู และสถานศึกษา: ด้านนี้คือ “ผลกระทบและการเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้นจริง เป็นการประเมินผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์และนวัตกรรมที่นำเสนอในด้านที่ 1.6
ด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการ: ด้านนี้คือ “การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้” เป็นการประเมินความสามารถในการสังเคราะห์ประสบการณ์และผลการดำเนินงานให้กลายเป็นองค์ความรู้ที่เป็นระบบในรูปแบบของงานวิจัยหรือนวัตกรรม ซึ่งสามารถเป็นแบบอย่างและเป็นประโยชน์ต่อวงวิชาชีพในวงกว้าง.5
ความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างสามด้านนี้เป็นหัวใจสำคัญของการประเมิน กล่าวคือ แผนกลยุทธ์และนวัตกรรมที่ดีในด้านที่ 1 ควรนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในด้านที่ 2 และกระบวนการทั้งหมดนี้สามารถกลั่นกรองออกมาเป็นผลงานทางวิชาการที่มีคุณค่าในด้านที่ 3 ได้ การจัดทำคำขอรับการประเมินจึงต้องแสดงให้เห็นถึง “เส้นเรื่อง” ที่ร้อยเรียงทั้งสามด้านเข้าไว้ด้วยกันอย่างชัดเจนและมีตรรกะที่น่าเชื่อถือ
การวิเคราะห์เชิงลึกด้านที่ 1: 8 ตัวบ่งชี้ทักษะการวางแผนกลยุทธ์และนวัตกรรมการบริหาร
ด้านที่ 1 ประกอบด้วย 8 ตัวบ่งชี้ ซึ่งประเมินทักษะการวางแผนและการบริหารจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา.7 การจะได้คะแนนในระดับสูง (ระดับ 4-5) ในแต่ละตัวบ่งชี้ ผู้ขอรับการประเมินไม่เพียงแต่ต้องแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานตามมาตรฐานเท่านั้น แต่ต้องแสดงให้เห็นถึง “การคิดค้นวิธีการใหม่ๆ” และ “การปรับเปลี่ยนวิธีการจนได้ผลดียิ่งขึ้น” ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของวิทยฐานะเชี่ยวชาญ.1 ตัวบ่งชี้ทั้ง 8 ประการมีดังนี้
- มุ่งผลลัพธ์ผู้เรียนเป็นสำคัญ: การวางแผนต้องมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อพัฒนาผู้เรียน ทั้งด้านความรู้ ทักษะ สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์.1
- มุ่งคุณภาพหลักสูตรและคุณภาพผู้เรียน: แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา กิจกรรมการเรียนรู้ หรือสื่อและเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของผู้เรียน.1
- มุ่งพัฒนาสมรรถนะของครู และผู้เรียน: แผนงานต้องส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะของครูในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน.1
- มุ่งพัฒนาครู โดยใช้ระบบให้คำปรึกษา ชี้แนะ: แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในการสร้างกระบวนการพัฒนาครูอย่างเป็นระบบ เช่น การนิเทศภายใน การเป็นพี่เลี้ยง (Coaching) หรือการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC).1
- มุ่งพัฒนาระบบและกระบวนการทำงาน: วิเคราะห์และออกแบบกระบวนการทำงานของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้.1
- มุ่งนวัตกรรมการทำงานอย่างสร้างสรรค์: นำนวัตกรรมหรือเครื่องมือบริหารจัดการสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้.1
- มุ่งระดมทรัพยากร เครือข่าย และความร่วมมือ: แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประสานงานกับชุมชนและเครือข่ายภายนอกเพื่อระดมทรัพยากรมาสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา.1
- มุ่งสร้างภาวะผู้นำร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: ส่งเสริมให้ครู บุคลากร ผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานเป็นทีมและร่วมกันตัดสินใจเพื่อพัฒนาสถานศึกษา.1
การวิเคราะห์เชิงลึกด้านที่ 2: 4 ตัวบ่งชี้ผลลัพธ์การพัฒนา
ด้านที่ 2 ประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินงานตามแผนในด้านที่ 1 โดยมี 4 ตัวบ่งชี้สำคัญ 1
- ผลงานหรือผลการปฏิบัติเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา: ต้องแสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการนำของผู้บริหาร ไม่ใช่ปัจจัยภายนอกอื่นๆ
- ผลงานหรือผลการปฏิบัติที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน: ต้องแสดงหลักฐานการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนในวงกว้าง ไม่ใช่เพียงนักเรียนกลุ่มเล็กๆ เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น ทักษะชีวิตที่ดีขึ้น หรือการพัฒนาสมรรถนะที่จำเป็น
- ผลงานหรือผลการปฏิบัติที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพครูในสถานศึกษา: ต้องแสดงให้เห็นว่าครูมีการพัฒนาทักษะการสอน การทำงานเป็นทีม หรือมีความทุ่มเทในวิชาชีพมากขึ้น
- ผลงานหรือผลการปฏิบัติที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา: ต้องแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของสถานศึกษา เช่น การเป็นที่ยอมรับของชุมชน การได้รับรางวัล หรือการมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีขึ้น
ข้อกำหนดด้านผลงานทางวิชาการ (ด้านที่ 3) สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ
สำหรับวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ ผู้ขอรับการประเมินจะต้องนำเสนอผลงานทางวิชาการ จำนวน 1 รายการ ซึ่งอาจเป็น “ผลงานวิจัย” หรือ “นวัตกรรม” ที่เกี่ยวกับการพัฒนาสถานศึกษา.5 ทั้งนี้ แตกต่างจากวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษที่กำหนดให้ต้องมีทั้งผลงานวิจัยและนวัตกรรมอย่างละ 1 รายการ.6 คุณภาพของผลงานทางวิชาการจะถูกประเมินโดยพิจารณาจากความถูกต้องตามหลักวิชาการ ความสอดคล้องกับระดับการปฏิบัติงานที่คาดหวังของวิทยฐานะเชี่ยวชาญ และประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาและวงวิชาชีพ.5
การเตรียมความพร้อมสำหรับการนำเสนอในรูปแบบดิจิทัล
การยื่นคำขอทั้งหมดจะดำเนินการผ่านระบบ DPA ซึ่งกำหนดให้ผู้ขอนำเสนอผลงานในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล.2 ข้อกำหนดทางเทคนิคที่สำคัญซึ่งผู้ขอต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ มีดังนี้ 2:
ไฟล์ PDF
- รายงานผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาสถานศึกษา (สำหรับด้านที่ 1)
- ผลงานทางวิชาการ (งานวิจัยหรือนวัตกรรม) (สำหรับด้านที่ 3)
ไฟล์วิดีทัศน์ (MP4)
วิดีทัศน์ที่ 1 (ด้านที่ 1): นำเสนอการพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ และนวัตกรรม เล่าถึงที่มา ปัญหา แรงบันดาลใจ และแนวคิดในการพัฒนา ความยาวไม่เกิน 15 นาที
วิดีทัศน์ที่ 2 (ด้านที่ 2): นำเสนอผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ครู และสถานศึกษา อันเป็นผลมาจากการดำเนินงาน ความยาวไม่เกิน 10 นาที
ข้อจำกัดสำคัญ: วิดีทัศน์ทั้งสองไฟล์ต้องถ่ายทำด้วยกล้องตัวเดียว ไม่มีการตัดต่อหรือใช้เทคนิคพิเศษใดๆ แม้ว่าจะสามารถใช้โปรแกรมนำเสนอ เช่น PowerPoint ประกอบได้ก็ตาม.5
ข้อจำกัดทางเทคนิคเหล่านี้ไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างมาตรฐาน แต่เป็นบททดสอบทักษะการสื่อสารของผู้บริหารในภาวะผู้นำ การที่ไม่สามารถตัดต่อได้บังคับให้ผู้บริหารต้องมีการเตรียมตัวและฝึกซ้อมเป็นอย่างดี สามารถเล่าเรื่องราวการทำงานของตนได้อย่างกระชับ ชัดเจน และตรงประเด็นภายในเวลาที่จำกัด ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของผู้บริหารระดับสูง
ส่วนที่ 2: การออกแบบแผนพัฒนากลยุทธ์สำหรับด้านที่ 1
การจัดทำแผนพัฒนากลยุทธ์สำหรับด้านที่ 1 ถือเป็นรากฐานสำคัญของคำขอรับการประเมินทั้งหมด แผนที่ดีต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์บริบทอย่างลึกซึ้ง และสามารถร้อยเรียงกิจกรรมและโครงการต่างๆ ให้ตอบสนองต่อตัวบ่งชี้ทั้ง 8 ประการได้อย่างเป็นระบบและมีความเชื่อมโยงกัน
การวิเคราะห์พื้นฐาน: จากบริบทสถานศึกษา (SWOT) สู่วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ที่ทรงพลัง
ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพของสถานศึกษาอย่างรอบด้าน เครื่องมือที่นิยมใช้คือการวิเคราะห์ SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats) เพื่อให้เข้าใจถึงจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของสถานศึกษาอย่างถ่องแท้ จากการวิเคราะห์นี้ ผู้บริหารจะสามารถระบุ “ประเด็นท้าทาย” (Challenging Issue) ที่สำคัญที่สุด ซึ่งจะเป็นแกนกลางของแผนพัฒนากลยุทธ์.2 ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์อาจพบว่าโรงเรียนมีจุดอ่อนด้านครูบรรจุใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ และมีอุปสรรคคือหลักสูตรที่ไม่ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน.8 ประเด็นท้าทายที่เกิดขึ้นอาจเป็น “การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก” ซึ่งจะกลายเป็นหัวใจของแผนพัฒนาทั้งหมด
แนวทางการจัดทำแผนให้สอดคล้องกับ 8 ตัวบ่งชี้หลัก
ตัวบ่งชี้ทั้ง 8 ประการในด้านที่ 1 ไม่ใช่รายการที่ต้องดำเนินการแยกจากกัน แต่เป็นองค์ประกอบของวงจรการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาที่ต่อเนื่องและสัมพันธ์กัน แผนพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพควรแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงเชิงเหตุผล (Causal Chain) ระหว่างตัวบ่งชี้เหล่านี้ กล่าวคือ:
- การพัฒนาเริ่มต้นจากเป้าหมายสูงสุดคือ ผลลัพธ์ผู้เรียน (ตัวบ่งชี้ที่ 1)
- เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น จำเป็นต้องพัฒนา หลักสูตร (ตัวบ่งชี้ที่ 2)
- การใช้หลักสูตรใหม่ต้องการครูที่มี สมรรถนะสูง (ตัวบ่งชี้ที่ 3)
- ซึ่งต้องอาศัย กระบวนการพัฒนาครู ที่มีประสิทธิภาพ เช่น PLC หรือ Coaching (ตัวบ่งชี้ที่ 4)
- การจะทำเช่นนั้นได้ สถานศึกษาต้องมี ระบบและกระบวนการทำงาน ที่เอื้ออำนวย (ตัวบ่งชี้ที่ 5)
- และส่งเสริมวัฒนธรรม การทำงานเชิงนวัตกรรม (ตัวบ่งชี้ที่ 6)
- ความพยายามทั้งหมดนี้จะยั่งยืนได้ต้องอาศัยการสนับสนุนจาก ทรัพยากรและเครือข่าย ภายนอก (ตัวบ่งชี้ที่ 7)
- และขับเคลื่อนด้วย ภาวะผู้นำร่วม ของทุกภาคส่วน (ตัวบ่งชี้ที่ 8)
การเขียนแผนที่สะท้อนให้เห็นถึงตรรกะความเชื่อมโยงนี้ จะทำให้แผนมีความหนักแน่นและน่าเชื่อถือมากกว่าการระบุกิจกรรมที่กระจัดกระจายเพื่อตอบแต่ละตัวบ่งชี้เป็นข้อๆ
ตารางที่ 2.1: การแปลงโครงการริเริ่มของสถานศึกษาสู่ตัวบ่งชี้ด้านที่ 1
เพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถเชื่อมโยงการปฏิบัติงานจริงเข้ากับกรอบการประเมินได้อย่างเป็นระบบ ตารางต่อไปนี้จึงถูกออกแบบขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการวางแผนและรวบรวมหลักฐาน
| ตัวบ่งชี้ด้านที่ 1 | คำถามชี้นำสำหรับผู้อำนวยการ | ตัวอย่างโครงการ/กิจกรรม | หลักฐานที่แนะนำสำหรับไฟล์ PDF/วิดีทัศน์ |
| 1. มุ่งผลลัพธ์ผู้เรียนเป็นสำคัญ | แผนงานของข้าพเจ้าส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาผู้เรียนในด้านใดบ้าง และวัดผลได้อย่างไร? | โครงการ “ยกระดับผลสัมฤทธิ์ O-NET ด้วยการเรียนรู้แบบ Active Learning” | รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น, แฟ้มสะสมงานของนักเรียน, วิดีทัศน์การนำเสนอผลงานของนักเรียน |
| 2. มุ่งคุณภาพหลักสูตรและคุณภาพผู้เรียน | ข้าพเจ้าได้ริเริ่มปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนและโลกอนาคตอย่างไร? | โครงการ “พัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะด้านนวัตกรรมดิจิทัล” โดยร่วมมือกับภาคเอกชน 9 | หลักสูตรสถานศึกษาฉบับปรับปรุง, ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้, ผลงานนวัตกรรมของผู้เรียน |
| 3. มุ่งพัฒนาสมรรถนะของครู และผู้เรียน | ข้าพเจ้ามีกระบวนการพัฒนาครูที่ส่งผลต่อการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร? | การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ” และการนิเทศติดตามผล 10 | รายงานการอบรม, เครื่องมือนิเทศ, ผลการประเมินสมรรถนะครูและผู้เรียนก่อน-หลัง |
| 4. มุ่งพัฒนาครู โดยใช้ระบบให้คำปรึกษา ชี้แนะ | ข้าพเจ้าได้สร้างระบบการพัฒนาครูที่ยั่งยืนในสถานศึกษา เช่น PLC หรือ Coaching อย่างไร? | โครงการ “สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) สู่การยกระดับชั้นเรียน” 11 | คำสั่งแต่งตั้งทีม PLC, บันทึกการประชุม (Logbook), แผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาร่วมกัน |
| 5. มุ่งพัฒนาระบบและกระบวนการทำงาน | ข้าพเจ้าได้ปรับปรุงระบบงานใดในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (เช่น ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน, ระบบสารสนเทศ)? | การพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้แอปพลิเคชันเพื่อการสื่อสารระหว่างครูและผู้ปกครอง | คู่มือการใช้งานระบบ, สถิติการใช้งาน, ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง |
| 6. มุ่งนวัตกรรมการทำงานอย่างสร้างสรรค์ | ข้าพเจ้าได้นำนวัตกรรมการบริหารใดมาใช้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสถานศึกษา? | การนำ “รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา” มาปรับใช้ 12 | แผนผังรูปแบบนวัตกรรม, รายงานผลการดำเนินงาน, รางวัลหรือการยอมรับจากหน่วยงานภายนอก |
| 7. มุ่งระดมทรัพยากร เครือข่าย และความร่วมมือ | ข้าพเจ้าได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่นำมาซึ่งทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาอย่างไร? | การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยในพื้นที่เพื่อพัฒนาครูและนักเรียน | สำเนา MOU, ภาพกิจกรรมความร่วมมือ, รายงานการสนับสนุนทรัพยากรจากเครือข่าย |
| 8. มุ่งสร้างภาวะผู้นำร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย | ข้าพเจ้าได้ส่งเสริมให้ครู นักเรียน และผู้ปกครองเข้ามามีบทบาทในการนำและตัดสินใจเรื่องสำคัญของโรงเรียนอย่างไร? | การจัดตั้ง “สภากาแฟ” เพื่อเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในการจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษา | รายงานการประชุม, สรุปข้อเสนอแนะที่ถูกนำไปปฏิบัติ, คำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนจากหลายภาคส่วน |
ส่วนที่ 3: การสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมการบริหารที่เป็นแบบอย่าง
หัวใจสำคัญของการประเมินวิทยฐานะเชี่ยวชาญคือ “นวัตกรรม” ผู้บริหารต้องสามารถแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นเพียงผู้บริหารจัดการตามภารกิจประจำวัน แต่เป็นผู้นำที่สามารถสร้างสรรค์หรือพัฒนากระบวนการใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนของสถานศึกษาได้อย่างเป็นระบบและเกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
การนิยาม “นวัตกรรมการบริหาร” ในบริบทของ ว10/2564
ในบริบทนี้ “นวัตกรรมการบริหาร” ไม่จำเป็นต้องเป็นการประดิษฐ์สิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเสมอไป แต่อาจหมายถึงการพัฒนารูปแบบ (Model) หรือกระบวนการ (Process) ที่เป็นระบบ สามารถทำซ้ำได้ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ปัญหาเฉพาะของสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ.5 สิ่งสำคัญคือการแสดงให้เห็นถึง “กระบวนการ” พัฒนานวัตกรรมที่ชัดเจน ตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหา การออกแบบ การทดลองใช้ และการประเมินผลปรับปรุง ตัวอย่างเช่น “ตานีวิทโมเดล” ของนายสุรพงษ์ รัตนโคตร คือการนำวงจรคุณภาพ PDCA มาประยุกต์ใช้และสร้างเป็นตราสัญลักษณ์ (Branding) เฉพาะของโรงเรียนตานีวิทยา 8 ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมการบริหารที่ชัดเจน
กรอบแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วสำหรับการพัฒนานวัตกรรม: PDCA, Design Thinking และ R&D
เพื่อช่วยในการพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นระบบ ผู้บริหารสามารถเลือกใช้กรอบแนวคิดที่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายได้ ดังนี้
- วงจรคุณภาพ PDCA (Plan-Do-Check-Act): เป็นกรอบแนวคิดสำหรับการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับการพัฒนากระบวนการทำงานที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น เช่น การปรับปรุงระบบการนิเทศภายใน หรือการพัฒนากิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม.14
- กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking): เป็นกระบวนการที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered) มี 5 ขั้นตอนคือ Empathize (ทำความเข้าใจ), Define (กำหนดปัญหา), Ideate (ระดมความคิด), Prototype (สร้างต้นแบบ), และ Test (ทดสอบ) เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและต้องการความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เช่น การออกแบบหลักสูตรสถานศึกษาใหม่ หรือการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มเสี่ยง.9
- การวิจัยและพัฒนา (Research & Development – R&D): เป็นกระบวนการทางวิชาการที่เข้มข้นที่สุด ประกอบด้วยการวิจัยเพื่อหาข้อมูล การพัฒนาต้นแบบนวัตกรรม การทดลองใช้ และการประเมินผลอย่างเป็นระบบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนานวัตกรรมที่ต้องการนำไปเสนอเป็นผลงานทางวิชาการในด้านที่ 3 เนื่องจากมีกระบวนการที่น่าเชื่อถือและสามารถอ้างอิงได้ตามหลักวิชาการ.18
ตารางที่ 3.1: การวิเคราะห์เปรียบเทียบกรอบแนวคิดการพัฒนานวัตกรรม
| มิติการเปรียบเทียบ | วงจรคุณภาพ (PDCA) | การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) | การวิจัยและพัฒนา (R&D) |
| ปรัชญาหลัก | การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) | การแก้ปัญหาโดยเน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered Problem Solving) | การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ (Systematic Validation) |
| ขั้นตอนสำคัญ | 1. Plan (วางแผน) 2. Do (ปฏิบัติ) 3. Check (ตรวจสอบ) 4. Act (ปรับปรุง) | 1. Empathize 2. Define 3. Ideate 4. Prototype 5. Test | 1. การวิจัยและวิเคราะห์ปัญหา 2. การออกแบบและพัฒนาต้นแบบ 3. การทดลองใช้และเก็บข้อมูล 4. การประเมินและปรับปรุง |
| เหมาะสำหรับ | การปรับปรุงกระบวนการทำงานเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, โครงการที่ไม่ซับซ้อนมาก | การแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้ (นักเรียน, ครู), การออกแบบบริการหรือหลักสูตรใหม่ | การสร้าง “รูปแบบ” (Model) การบริหารหรือการสอนใหม่ที่ต้องการความน่าเชื่อถือทางวิชาการสูง |
| การเชื่อมโยงกับ ว10/2564 | เป็นพื้นฐานที่ดีในการแสดงกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ (ตัวบ่งชี้ที่ 5) และการปรับเปลี่ยนวิธีการ (Rubric ระดับ 5) | แสดงถึงการคิดค้นวิธีการใหม่ๆ (Rubric ระดับ 4) และการมุ่งผลลัพธ์ผู้เรียนเป็นสำคัญ (ตัวบ่งชี้ที่ 1) | เป็นกระบวนการที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างผลงานสำหรับด้านที่ 1 และนำไปสู่ผลงานทางวิชาการในด้านที่ 3 |
กรณีศึกษานวัตกรรมที่ 1: “รูปแบบ PLC-Coaching” เพื่อยกระดับสมรรถนะครู
จากข้อมูลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ 11 สามารถสังเคราะห์นวัตกรรมการบริหาร “รูปแบบ PLC-Coaching” ได้ดังนี้:
ปัญหา: ครูขาดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้, การพัฒนาครูไม่ต่อเนื่อง, การสอนไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21.8
นวัตกรรม: การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ที่มีผู้อำนวยการและหัวหน้ากลุ่มสาระทำหน้าที่เป็นโค้ช (Coach) และผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนอย่างเป็นระบบ
กระบวนการ 11:
- รวมกลุ่ม (Community): จัดกลุ่มครูตามระดับชั้นหรือกลุ่มสาระ
- ค้นหาปัญหา (Problem Finding): ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนและเลือกปัญหาเร่งด่วน 1 ประเด็น (เช่น นักเรียนขาดทักษะการคิดวิเคราะห์)
- ออกแบบกิจกรรม (Lesson Design): ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ใหม่ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
- นำสู่การปฏิบัติและสังเกตการณ์ (Implementation & Observation): ครูนำแผนไปใช้ในชั้นเรียน โดยมีสมาชิกในทีมร่วมสังเกตการณ์ (Open Class)
- สะท้อนผล (Reflection): ทีมกลับมาประชุมเพื่อสะท้อนผลการสอน แลกเปลี่ยนสิ่งที่ได้เรียนรู้ และวางแผนปรับปรุงในรอบต่อไป
การเชื่อมโยงกับ ว10: นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์ตัวบ่งชี้ด้านที่ 1 อย่างชัดเจนในข้อ 3 (พัฒนาสมรรถนะครู), ข้อ 4 (พัฒนาระบบให้คำปรึกษา), และข้อ 8 (สร้างภาวะผู้นำร่วม) และจะนำไปสู่ผลลัพธ์ในด้านที่ 2 ในตัวบ่งชี้ที่ 3 (การพัฒนาคุณภาพครู) และตัวบ่งชี้ที่ 2 (การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน)
กรณีศึกษานวัตกรรมที่ 2: “รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วม” เพื่อสร้างสถานศึกษาปลอดภัยและเป็นสุข
จากการสังเคราะห์งานวิจัยด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วม 12 สามารถพัฒนานวัตกรรม “รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อสร้างสถานศึกษาปลอดภัย” ได้ดังนี้
ปัญหา: สถานศึกษามีจุดเสี่ยง, ขาดความร่วมมือจากผู้ปกครองและชุมชนในการดูแลนักเรียน, การตัดสินใจรวมศูนย์อยู่ที่ผู้บริหาร
นวัตกรรม: การจัดตั้งโครงสร้างและกลไกการทำงานร่วมกัน 4 ภาคส่วน (ผู้บริหาร-ครู, สภานักเรียน, เครือข่ายผู้ปกครอง, และหน่วยงานภายนอก) เพื่อร่วมกันวางแผน ดำเนินการ และประเมินผลด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา
กระบวนการ 12:
- การมีส่วนร่วมในการวางแผน (Participation in Planning): จัดประชุมระดมสมอง 4 ภาคส่วนเพื่อวิเคราะห์จุดเสี่ยงและจัดทำแผนความปลอดภัยประจำปี
- การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (Participation in Decision-Making): จัดตั้ง “คณะกรรมการความปลอดภัยของสถานศึกษา” ที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมตัดสินใจในนโยบายและมาตรการต่างๆ
- การมีส่วนร่วมในการดำเนินการ (Participation in Implementation): มอบหมายภารกิจให้แต่ละภาคส่วนรับผิดชอบ เช่น สภานักเรียนช่วยดูแลความเรียบร้อย, เครือข่ายผู้ปกครองเป็นอาสาสมัคร, สถานีตำรวจจัดอบรมให้ความรู้
- การมีส่วนร่วมในการนิเทศและประเมินผล (Participation in Supervision & Evaluation): คณะกรรมการฯ ร่วมกันติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนเป็นระยะ
การเชื่อมโยงกับ ว10: นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์ตัวบ่งชี้ด้านที่ 1 อย่างยิ่งในข้อ 7 (ระดมทรัพยากรและเครือข่าย) และข้อ 8 (สร้างภาวะผู้นำร่วม) และจะนำไปสู่ผลลัพธ์ในด้านที่ 2 ในตัวบ่งชี้ที่ 4 (การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา) โดยตรง
ส่วนที่ 4: การสร้างหลักฐานแห่งการเปลี่ยนแปลง: การสาธิตและรายงานผลลัพธ์สำหรับด้านที่ 2
การนำเสนอผลลัพธ์ในด้านที่ 2 เป็นการพิสูจน์ว่าแผนกลยุทธ์และนวัตกรรมที่นำเสนอในด้านที่ 1 นั้น “ใช้ได้ผลจริง” การนำเสนอที่ดีต้องสามารถแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรมและน่าเชื่อถือ โดยมีข้อมูลและหลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจน
เส้นด้ายสีทอง: การเชื่อมโยงกิจกรรมเชิงกลยุทธ์สู่ผลลัพธ์ที่วัดได้
ผู้บริหารต้องสามารถสร้าง “เส้นเรื่อง” หรือ “เส้นด้ายสีทอง” ที่เชื่อมโยงการกระทำ (Activities) ในด้านที่ 1 เข้ากับผลลัพธ์ (Outcomes) ในด้านที่ 2 ได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น:
กิจกรรม (ด้านที่ 1): “จัดตั้งชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เพื่อพัฒนาการสอนแบบ Active Learning”
ผลลัพธ์ (ด้านที่ 2):
- ต่อครู: “ครูร้อยละ 90 มีความมั่นใจและสามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้ (วัดจากแบบประเมินตนเองและแฟ้มผลงาน)”
- ต่อผู้เรียน: “ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้น ม.3 หลังเข้าร่วมโครงการสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 15 และคะแนนความพึงพอใจต่อการเรียนสูงขึ้น (วัดจากแบบทดสอบและแบบสอบถาม)”
- ต่อสถานศึกษา: “โรงเรียนได้รับคัดเลือกเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้าน Active Learning ของเขตพื้นที่การศึกษา”
ระเบียบวิธีสำหรับการประเมินผลโครงการและการรวบรวมข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลลัพธ์ที่นำเสนอ ผู้บริหารควรใช้รูปแบบการประเมินที่เป็นระบบ เช่น รูปแบบการประเมิน CIPP Model ซึ่งประกอบด้วย 4 ส่วน 20
- Context Evaluation (การประเมินบริบท): ประเมินความต้องการจำเป็นและสภาพปัญหาก่อนเริ่มโครงการ (สอดคล้องกับการวิเคราะห์ SWOT ในด้านที่ 1)
- Input Evaluation (การประเมินปัจจัยนำเข้า): ประเมินความพร้อมของทรัพยากร ทั้งบุคลากร งบประมาณ และวัสดุอุปกรณ์
- Process Evaluation (การประเมินกระบวนการ): ประเมินการดำเนินงานระหว่างโครงการ เพื่อติดตามและปรับปรุงแก้ไขปัญหา
- Product Evaluation (การประเมินผลผลิต): ประเมินผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงการว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่
การเก็บรวบรวมข้อมูลควรผสมผสานทั้งข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative) เช่น คะแนนสอบ, สถิติการขาดเรียน และข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative) เช่น ผลการสัมภาษณ์, บันทึกการสังเกต, ตัวอย่างผลงานนักเรียน เพื่อให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงที่รอบด้าน.22
การรังสรรค์วิดีทัศน์ “ผลลัพธ์”: เรื่องเล่าแห่งการพัฒนาสถาบันที่น่าประทับใจ
วิดีทัศน์นำเสนอผลลัพธ์ความยาว 10 นาที 5 ควรถูกออกแบบให้เป็นเรื่องเล่าที่ทรงพลัง ไม่ใช่แค่การรายงานข้อมูลแห้งๆ โครงเรื่องที่แนะนำมีดังนี้:
- บทนำ (1 นาที): ทบทวนสั้นๆ ถึง “ประเด็นท้าทาย” ที่เป็นจุดเริ่มต้น และ “นวัตกรรม” ที่นำมาใช้แก้ไข
- ผลกระทบต่อนักเรียน (3 นาที): นำเสนอหลักฐานการเปลี่ยนแปลงของผู้เรียน อาจใช้ภาพกิจกรรม, กราฟแสดงผลสัมฤทธิ์, หรือการสัมภาษณ์นักเรียนสั้นๆ เพื่อสะท้อนความรู้สึกและความสามารถที่เปลี่ยนไป (ตอบตัวบ่งชี้ที่ 2 ของด้านที่ 2)
- ผลกระทบต่อครู (3 นาที): นำเสนอภาพการทำงานร่วมกันของครูในวง PLC, การสัมภาษณ์ครูเกี่ยวกับเทคนิคการสอนใหม่ที่ได้เรียนรู้ หรือข้อมูลการประเมินการสอนที่พัฒนาขึ้น (ตอบตัวบ่งชี้ที่ 3 ของด้านที่ 2)
- ผลกระทบต่อสถานศึกษา (2 นาที): นำเสนอภาพความร่วมมือกับชุมชน, รางวัลที่ได้รับ, หรือการสัมภาษณ์ผู้ปกครอง/กรรมการสถานศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อมั่นที่มีต่อโรงเรียน (ตอบตัวบ่งชี้ที่ 4 ของด้านที่ 2)
- บทสรุป (1 นาที): สรุปการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด และย้ำบทบาทของผู้อำนวยการในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงนั้น (ตอบตัวบ่งชี้ที่ 1 ของด้านที่ 2)
การประเมินผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่การแสดงผลสำเร็จที่สมบูรณ์แบบเพียงครั้งเดียว แต่คือการแสดงให้เห็นถึง “วงจรการเรียนรู้” (Feedback Loop) ขององค์กร ที่มีการนำข้อมูลผลลัพธ์จากด้านที่ 2 กลับไปใช้เพื่อทบทวนและปรับปรุงแผนกลยุทธ์ในด้านที่ 1 สำหรับการดำเนินงานในรอบต่อไป การแสดงให้เห็นถึงกลไกการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องนี้จะสะท้อนวุฒิภาวะความเป็นผู้นำในระดับที่สูงกว่า และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ส่วนที่ 5: การก้าวสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ: แนวทางการจัดทำผลงานวิชาการ (ด้านที่ 3)
ผลงานทางวิชาการสำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ไม่ใช่เอกสารที่จัดทำขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่ควรเป็นผลผลิตจากการสังเคราะห์และตกผลึกกระบวนการทำงานทั้งหมดที่นำเสนอในด้านที่ 1 และ 2 ให้กลายเป็นองค์ความรู้ที่เป็นระบบและมีคุณค่าต่อวงวิชาชีพ
การกำหนดหัวข้อวิจัยที่ทรงคุณค่า: การเชื่อมโยงความต้องการของสถานศึกษากับทิศทางการศึกษาชาติ
หัวข้อวิจัยหรือนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ “การศึกษากระบวนการพัฒนาและผลการใช้นวัตกรรมการบริหารที่นำเสนอในด้านที่ 1” การทำเช่นนี้จะทำให้ผลงานทั้ง 3 ด้านมีความสอดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์
เพื่อเพิ่มความสำคัญและคุณค่าของงานวิจัย ผู้บริหารควรศึกษาทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติในช่วงปี พ.ศ. 2567-2570 ซึ่งมุ่งเน้นในประเด็นต่างๆ เช่น การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา, การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต, การใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา, และการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต.24 การวางกรอบงานวิจัยของตนเองให้สอดคล้องกับทิศทางระดับชาติเหล่านี้ จะทำให้ผลงานวิจัยมีนัยสำคัญและได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น
โครงสร้างรายงานการวิจัยและพัฒนา (R&D) สำหรับการบริหารการศึกษา
รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (R&D) เป็นรูปแบบที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา เนื่องจากเป็นการผสมผสานระหว่างการปฏิบัติและการสร้างองค์ความรู้ โครงสร้างรายงาน R&D ที่แนะนำประกอบด้วย 4 ระยะ
- ระยะที่ 1: การวิจัยและวิเคราะห์สภาพปัญหา (Research & Analysis): นำเสนอข้อมูลจากการวิเคราะห์ SWOT และการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนานวัตกรรม (สอดคล้องกับการวิเคราะห์ปัญหาในด้านที่ 1)
- ระยะที่ 2: การออกแบบและพัฒนานวัตกรรม (Development): อธิบายขั้นตอนการสร้าง “รูปแบบ” หรือ “นวัตกรรม” การบริหารโดยละเอียด ตั้งแต่การร่างหลักการไปจนถึงการสร้างเครื่องมือและคู่มือ (อธิบายกระบวนการสร้างนวัตกรรมในด้านที่ 1)
- ระยะที่ 3: การนำนวัตกรรมไปใช้และประเมินผล (Implementation & Evaluation): นำเสนอกระบวนการนำนวัตกรรมไปใช้จริงในสถานศึกษา และรายงานผลการประเมินทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ (นำเสนอข้อมูลผลลัพธ์จากด้านที่ 2)
- ระยะที่ 4: สรุปผลและข้อเสนอแนะ (Conclusion & Dissemination): สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย อภิปรายผล และเสนอแนะแนวทางในการนำนวัตกรรมไปปรับใช้ในบริบทอื่น ซึ่งเป็นการแสดงบทบาท “การเป็นแบบอย่างที่ดี” ของวิทยฐานะเชี่ยวชาญ
ตัวอย่างหัวข้อวิจัยสำหรับผู้อำนวยการสถานศึกษา
จากกรณีศึกษาที่นำเสนอในรายงานฉบับนี้ สามารถพัฒนาเป็นหัวข้อวิจัยได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้:
- “การพัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพโดยใช้กระบวนการโค้ชชิ่งเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของครูโรงเรียน [ชื่อโรงเรียน]”
- “รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อสร้างเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา”
- “ผลของการใช้รูปแบบการบริหาร TANEWIT MODEL ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนตานีวิทยา”
- “การพัฒนารูปแบบหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะเพื่อส่งเสริมทักษะความเป็นผู้ประกอบการสำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 3”
ส่วนที่ 6: คลังผลงานและทรัพยากรที่สำคัญ
ส่วนนี้ได้รวบรวมตัวอย่างผลงานที่ผ่านการประเมินซึ่งเปิดเผยต่อสาธารณะ และแหล่งข้อมูลสำคัญ เพื่อให้ผู้บริหารได้ศึกษาเป็นแนวทางและสร้างแรงบันดาลใจในการจัดทำผลงานของตนเอง
การวิเคราะห์เชิงลึกผลงานที่ประสบความสำเร็จ: กรณีศึกษา “ตานีวิทโมเดล”
ผลงานของ นายสุรพงษ์ รัตนโคตร ผู้อำนวยการโรงเรียนตานีวิทยา 8 เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมในการนำเสนอผลงานตามเกณฑ์ ว10/2564 การวิเคราะห์วิดีทัศน์การนำเสนอของท่าน พบประเด็นที่น่าสนใจดังนี้:
- การเล่าเรื่องที่ชัดเจน: เริ่มต้นด้วยการนำเสนอสภาพปัญหาของโรงเรียนอย่างตรงไปตรงมา (ครูใหม่, หลักสูตรไม่ตอบโจทย์) ทำให้ผู้ประเมินเข้าใจถึงความจำเป็นในการสร้างนวัตกรรม
- นวัตกรรมที่เป็นรูปธรรม: สร้างแบรนด์ “TANEWIT MODEL” ซึ่งมีองค์ประกอบที่จำง่ายและเชื่อมโยงกับหลักการบริหารคุณภาพ (PDCA) ทำให้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ
- การเชื่อมโยงสู่การปฏิบัติ: แสดงให้เห็นว่าโมเดลดังกล่าวถูกนำไปใช้ในการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ อย่างไร เช่น การพัฒนาครูสู่ศตวรรษที่ 21 และการสร้าง PLC
- การนำเสนอที่มั่นใจ: แม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางเทคนิค แต่การนำเสนอที่ฉะฉานและมีลำดับขั้นตอนที่ดี ก็สามารถสื่อสารแนวคิดและผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คลังรวบรวมผลงานวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ (ว10/2564)
จากการสืบค้นพบว่ายังไม่มีคลังข้อมูลกลางของ ก.ค.ศ. ที่รวบรวมผลงานที่ผ่านการประเมินทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จหลายท่านได้กรุณาแบ่งปันผลงานของตนเองผ่านช่องทางต่างๆ เช่น YouTube และเว็บไซต์ส่วนตัว ตารางต่อไปนี้คือการรวบรวมตัวอย่างผลงานดังกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาเรียนรู้
ตารางที่ 6.1: คลังรวบรวมผลงานวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ
| ชื่อ-สกุล ผู้อำนวยการ | ชื่อผลงาน/นวัตกรรม | สถานศึกษา/สังกัด | ลิงก์วิดีทัศน์/เว็บไซต์ | แนวคิด/คำสำคัญ |
| นายสุรพงษ์ รัตนโคตร | การพัฒนาสถานศึกษาด้วยนวัตกรรม TANEWIT MODEL | โรงเรียนตานีวิทยา สพม.สุรินทร์ | ลิงก์วิดีทัศน์ด้านที่ 1 ลิงก์วิดีทัศน์ด้านที่ 2 | PDCA, วงจรคุณภาพ, การพัฒนาครู, PLC |
| ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด | เว็บไซต์รายงานผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) | (ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ) | ตัวอย่างเว็บไซต์ | การรายงานผล PA, แฟ้มสะสมงานดิจิทัล, การประเมินตามสภาพจริง |
| นางสลักศรี วิวัฒน์ ค่ามาก | ด้านที่ 1 ด้านการวางแผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ฯ | (ไม่ระบุ) | ลิงก์วิดีทัศน์ด้านที่ 1 | การวางแผนกลยุทธ์, การบริหารสถานศึกษา |
6.3 แหล่งข้อมูลและเอกสารอ้างอิงสำคัญ
- คู่มือการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ว10/2564 สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา:(https://www.cr3.go.th/wp-content/uploads/2022/03/3.-หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา-ว9-ว12.pdf ) 1
- สรุปหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา (ว10/2564):(https://otepc.go.th/images/00_YEAR2564/03_PV1/2Mv10-2564.pdf) 5
- เว็บไซต์รวมข่าวสารและหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์ PA: https://sites.google.com/site/roiet1person/etcdownload 29
สรุป: ปัจจัยแห่งความสำเร็จและข้อเสนอแนะสำหรับผู้มุ่งสู่วิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ
การเดินทางสู่การขอเลื่อนวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญภายใต้เกณฑ์ ว10/2564 เป็นกระบวนการที่ท้าทาย แต่ก็เป็นโอกาสอันดีเยี่ยมในการยกระดับภาวะผู้นำและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้แก่สถานศึกษา จากการวิเคราะห์ทั้งหมด สามารถสรุปปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญได้ดังนี้
- การสร้างเรื่องเล่าเชิงเหตุผล (Causality Narrative): ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การนำเสนอโครงการที่หลากหลาย แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการร้อยเรียงเรื่องราวที่แสดงให้เห็นว่า “วิสัยทัศน์และนวัตกรรม” ของผู้บริหาร (ด้านที่ 1) ได้นำไปสู่ “การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก” ที่วัดผลได้ (ด้านที่ 2) และสามารถกลั่นกรองเป็น “องค์ความรู้” ที่มีคุณค่า (ด้านที่ 3) ได้อย่างไร
- นวัตกรรมที่เกิดจากการปฏิบัติจริง (Practice-Based Innovation): นวัตกรรมที่มีพลังที่สุดคือสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่แท้จริงของสถานศึกษา การใช้กรอบแนวคิดที่เป็นระบบ เช่น PDCA, Design Thinking หรือ R&D จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและแสดงให้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่เป็นวิทยาศาสตร์
- หลักฐานเชิงประจักษ์ที่รอบด้าน (Robust Evidence): การอ้างอิงผลลัพธ์ต้องมีข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพสนับสนุน การนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนและหลากหลายจะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับคำขอรับการประเมินได้อย่างมหาศาล
- การบูรณาการผลงานทั้งสามด้าน (Integration): การจัดทำคำขอที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือการทำให้ผลงานทั้ง 3 ด้านเป็นเรื่องเดียวกัน โดยมีนวัตกรรมการบริหารเป็นแกนกลางที่ถูกนำเสนอในด้านที่ 1 ถูกประเมินผลลัพธ์ในด้านที่ 2 และถูกวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งในฐานะผลงานวิจัยในด้านที่ 3
ท้ายที่สุดนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารสถานศึกษาทุกท่านที่กำลังเตรียมความพร้อมในการเดินทางครั้งสำคัญนี้ ขอให้ท่านมองว่ากระบวนการนี้ไม่ใช่เพียงการสอบเลื่อนตำแหน่ง แต่เป็นโอกาสในการทบทวนตนเอง พัฒนาสถานศึกษา และสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่วงการศึกษาไทยอย่างแท้จริง ความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและสถานศึกษาคือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของ “ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ” และจะเป็นกุญแจนำทางท่านไปสู่ความสำเร็จ
บรรณานุกรม
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (2564ก). คู่มือการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/ว 10 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2564. กระทรวงศึกษาธิการ. 1
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (2564ข). หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา (ว 10/2564). กระทรวงศึกษาธิการ. 5
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี. (2564). ว10/2564 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา. https://spmphet.go.th/ว10-2564-หลักเกณฑ์และวิธีการป/3
สุรพงษ์ รัตนโคตร. (2565, 10 ตุลาคม). แผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ นวัตกรรมการบริหาร ว.PA วฐ.ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ นายสุรพงษ์ รัตนโคตร [วิดีโอ]. ยูทูบ. https://www.youtube.com/watch?v=F4-o4cMSfGg 8
อนุศร หงษ์ขุนทด. (2565, 20 กันยายน). ตัวอย่างผู้บริหารสถานศึกษา ว10/2564 เว็บไซต์รายงานผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA). ครูขอบ.คอม. https://krukob.com/web/v10-3/ 30
ผลงานที่อ้างอิง
- คู่มือ การดาเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตาแหน่ … – เชียงราย เขต 3, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.cr3.go.th/wp-content/uploads/2022/03/3.-หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา-ว9-ว12.pdf
- หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://nb1.go.th/web/pdf/pa_director.pdf
- ว10/2564 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://spmphet.go.th/ว10-2564-หลักเกณฑ์และวิธีการป/
- นางวินิพมา ขสพืงึ์ พาแหน่งนกกีรกืมากรบุคคลชานาญการ – สพม.สฎชพ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.spmsnicpn.go.th/th/download/workmanual/person/manual_winitaya.pdf
- หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตาแหน่งและวิทยฐานะ … – เชียงราย เขต 3, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.cr3.go.th/wp-content/uploads/2022/03/3.-หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา-ว9-ว12.pdf
- แนวทางการยื่นขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะ ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา วิทยฐานะเชี่ยวชาญ ว 10/2564 », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://krukob.com/web/v10-2564/
- คู่มือการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินฯ ผู้บริหารสถานศึกษา ว.10-2564 – Flip eBook Pages 201-228 | AnyFlip, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://anyflip.com/hoirt/zqxk/basic/201-228
- แผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ นวัตกรรมการบริหาร ว.PA วฐ.ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ นายสุรพงษ์ รัตนโคตร – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=F4-o4cMSfGg
- รายงานโครงการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ นวัตกร ผู้สร้างสรรค์ …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://rpg15.ac.th/super/modules/adviser/file_upload/57030075/3652/3652_36521630800203.pdf
- โครงการอบรมการพัฒนาหลักสูตร เรื่องการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียน ด้วยหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 ms.ac.th/doc/2565/performance/1/2.%20โครงการอบรมครูสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ.pdf
- กระบวนการ PLC สู่ครูเพื่อศิษย์ – ข้อมูล Best Practice – SESA | ระบบบริหาร …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://sesa.obec.go.th/index.php?name=best&file=detail&id=861
- รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความ … – มหาวิทยาลัยนเรศวร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/6169/3/ThamrongChanrit.pdf
- คำนำ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://idcneu.com/edneupr/training/vpa/docs/book_pa1.pdf
- PDCA หัวใจสำคัญของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง – สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.ftpi.or.th/2015/2125
- วงจรเดมมิ่ง ( Deming Circle) หรือ PDCA, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 http://km.fsh.mi.th/wp-content/uploads/2016/08/102.pdf
- PDCA คืออะไร ? ประโยชน์ และตัวอย่างการใช้เพื่อพัฒนาองค์กร – HREX.asia, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://th.hrnote.asia/orgdevelopment/what-is-pdca-210610/
- กระบวนการสำคัญของ Design Thinking สำหรับการพัฒนานวัตกรรมในองค์กร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.sasimasuk.com/16873665/กระบวนการสำคัญของ-design-thinking
- หลักเกณฑ์ ว10/2564 I ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา I PA I การเขียนประเด้นท้าทาย – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=XSmqZ3ImmxU
- ว10/2564 สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา I กระทรวงศึกษาธิการ – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.youtube.com/playlist?list=PLP3pfEjqh6q1nNh8Hg2vzBbgmXQtQch-z
- บทที่3 วิธีดำเนินการประเมิน – ผลงานวิชาการ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://research.otepc.go.th/files/บทที่%203_qkcnc6dh.pdf
- การประเมินโครงการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JRKSA/article/download/249196/169403/
- การออกแบบ(การวัดและประเมินผล)เพื่อพัฒนาผู้เรียน – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1481-การออกแบบการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียน
- ทฤษฎีสู่การปฏิบัติ : ตัวอย่างการประเมินโครงการ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 http://lpn.nfe.go.th/pranee/UserFiles/Pdf/assessment%20project.pdf
- สถานการณ์ความเหลื่อมลํ้า ทางการศึกษาปี 2567 และ ทิศทางสําคัญในปี 2568, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2025/02/Inequality-situation-report.pdf
- ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ศธ. “ทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2568-2570”, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://ops.moe.go.th/nation-edu-res-directions/
- ครม.เห็นชอบทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2568-2570, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://ops.moe.go.th/ครม-เห็นชอบทิศทางการวิจ/
- เปิดโจทย์การศึกษา 2568: ถึงเวลายกระดับโครงสร้างใหม่ เพื่อการศึกษาไทยที่เท่าเทียมมากขึ้น, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.the101.world/education-restructuring-for-equity-2025/
- คลิปผลลัพธ์ผอเชี่ยวชาญว10 – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=RYXYVG1jn48
- กลุ่มบริหารงานบุคคล สพป.รอ.1 – หนังสือเวียน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://sites.google.com/site/roiet1person/etcdownload
- ตัวอย่างผู้บริหารสถานศึกษา ว10/2564 เว็บไซต์รายงานผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 12, 2025 https://krukob.com/web/v10-3/

